Search

ต้นตำนาน “ศิลปินผมยาว” คือเจ้าของตุ๊กตาทองเอเซีย! อ.ศิลป พีระศรีตามไปด่าไปสอนถีงโรงละคร!! - ผู้จัดการออนไลน์

dategossipers.blogspot.com

อุไร ศิริสมบัติ
ถ้าพูดถึงมือฉากหนังไทยแล้ว คงไม่มีใครสร้างเกียรติประวัติไว้เท่า อุไร ศิริสมบัติ เขาได้ตุ๊กตาทองครั้งแรกในการประกวดภาพยนตร์แห่งเอเซียครั้งที่ ๑ ที่ โตเกียวในปี ๒๔๙๗ จากเรื่อง “สันติ-วีณา” ต่อมาได้ตุ๊กตาทองฝ่ายศิลป์อีกเหมือนกันจากการประกวดภาพยนตร์แห่งเอเชียครั้งที่ ๑๕ ที่ฟิลิปปินส์ในเรื่อง “ละครเร่” ของอัศวินภาพยนตร์ และยังได้ตุ๊กตาทองจากการประกวดภาพยนตร์ไทยอีก ๖ ตัว

เขาจึงเป็นมือฉากคนเดียวที่ถูกขายชื่อหน้าโรงเช่นเดียวกับผู้แสดงนำ และเขานี่แหละที่เป็นผู้สร้างแฟชั่นนักศึกษาศิลปากรไว้ผมยาวขึ้น

อุไรจบจากโรงเรียนเพาะช่าง และเข้าต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากรรุ่นแรก ซึ่งตอนนั้นหลักสูตรเพียง ๓ ปี ระดับอนุปริญญา และเป็นคนแรกที่จบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ทั้งยังเป็นคนเดียวที่จบหลักสูตรศิลปะการละครจากมหาวิทยาลัยศิลปากร

เหตุที่จบเพียงคนเดียว ก็เพราะมหาวิทยาลัยไม่มีหลักสูตรนี้ ไม่มีคนสอน แต่อุไรต้องหางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเองระหว่างเรียน จึงปลีกเวลาไปหางานรับจ้างด้านศิลปะสารพัด และที่มากกว่าประเภทอื่นก็คืองานฉากละคร 

ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เข้มงวดนักศึกษารุ่นแรกนี้มาก อยากให้ทุกคนทุ่มเทเวลาเรียนให้เต็มที่ ไม่ยอมให้ใครใช้เวลาไปรับจ้างทำงาน แต่อุไรมีความจำเป็นต้องหารายได้เลี้ยงตัว เลยแอบหนีไปบ่อยๆ พออาจารย์ศิลป์รู้ก็ตามไปถึงโรงละคร

“ขณะที่ผมกำลังจัดฉาก แกก็ตามไปด่าผมถึงหลังโรงละครทุกวัน ด่าจนเหนื่อยแล้วแกก็กลับไปเอง แต่คำด่าของแกก็แทรกความรู้ไปด้วย เลยเหมือนแกไปเล็กเชอร์เฉพาะตัวให้ผม” อุไรเล่าถึงความหลัง

แม้จะฝืนคำห้าม แต่อาจารย์ศิลป์ก็เห็นใจลูกศิษย์ที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แล้วยังหามาเลี้ยงเพื่อนด้วยเสมอ เลยไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง

พอครบหลักสูตร ๓ ปี คณะกรรมการมหาวิทยาลัยก็อนุมัติให้อุไร ศิริสมบัติ ได้รับอนุปริญญาไปเพียงคนเดียวในหลักสูตรศิลปะการละคร เพื่อจะให้ออกไปหากินได้ตามปรารถนา ส่วนเพื่อนอีก ๔-๕ คนที่จบในรุ่นแรกนี้ต้องสอบซ่อมรีเอ็กแซมกันทั้งหมดจึงผ่านได้

อุไรเล่าไว้ว่าตอนนั้นยังไม่มีใครสนใจที่จะเรียนทางด้านศิลป์ เพราะไม่เห็นทางว่าจะหางานทำได้ที่ไหน ถึงกับต้องจ้างเรียนกัน โดยมหาวิทยาลัยเอาอกเอาใจ นอกจากจะไม่เสียค่าเล่าเรียนแล้วยังให้พู่กัน ให้สี และอุปกรณ์การเรียนด้วย นอกจากกระดาษเท่านั้นที่ต้องหามาเอง

เมื่อแรกก่อตั้ง หลายวิชาก็ยังไม่พร้อม หาคนสอนไม่ได้ ต้องไปอาศัยเรียนกับมหาวิทยาลัยอื่น อย่างวิชาอนาโตมี่ต้องไปเรียนร่วมกับนักศึกษาแพทย์ วิชาออกแบบก็ต้องไปเรียนร่วมกับนิสิตคณะสถาปัตย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“เดี๋ยวนี้เรียนสบายกว่ารุ่นผมมาก” อุไรเล่า “แม้ตอนว่างจะมาจับกลุ่มตามโคนต้นมะขามภายในมหาวิทยาลัยเหมือนกัน แต่รุ่นใหม่เขาคุยเรื่องสนุกสนานเฮฮา รุ่นผมคุยกันแต่ว่าวันนี้จะหาอะไรกิน”

อีกเรื่อง อุไรเล่าไว้ว่า “เรื่องไว้ผมยาวก็เริ่มมาตั้งแต่รุ่นผมเลย ผมเองก็ไว้ยาว ที่ไว้ไม่ใช่เพราะความนิยม แต่เพราะไม่มีเงินจะตัด รุ่นต่อๆมาเค้าก็เลยถือเป็นแฟชั่น”

อุไร ศิริสมบัติ เคยประสบอุบัติเหตุจากงานสร้างฉากเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดในหนังเรื่อง “สุรนารี” ที่ร่วมสร้างระหว่างไทยและฮ่องกง ขณะที่ตกแต่งเชิงตะกอนฉากเผาศพคุณหญิงโม ไฟเกิดลุกขึ้นท่วมตัวจนผมบนหัวไม่เหลือแม้แต่เส้น เขาถูกหามเข้าห้องไอซียู และถูกพันผ้าไว้ทั้งตัวเหมือนมัมมี่ ใครๆก็คิดว่าอุไรคงไม่รอด แต่ก็มีคนยื่นมือมาช่วยรักษาเขามากมาย ทั้งบุคคลในวงการบันเทิง สมาคมหนังสือพิมพ์ แม้แต่ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ภรรยาจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยพบเขาเลย ยังส่งเงินมาช่วยรักษา ๑ หมื่นบาท

จากแรงใจของคนที่ส่งมาช่วยกันมาก อุไร ศิริสมบัติจึงหายราวปาฏิหาริย์ แต่ก็ฝากแผลเป็นไว้ทั้งตัว

ผลงานของอุไร ศิริสมบัติไม่มีเฉพาะในหนังไทยเท่านั้น หนังต่างประเทศหลายเรื่องที่เข้ามาถ่ายทำในเมืองไทย ก็มอบหน้าที่ผู้กำกับฝ่ายศิลป์ให้เขา แม้แต่ตอนที่ระบำโชชิกุ อันลือชื่อไปทั่วโลกมาแสดงเปิดโรงภาพยนตร์เอ็มไพร์ ก็ระบุมาเลยว่าผู้ตกแต่งเวทีขอให้เป็น อุไร ศิริสมบัติ

นอกจากในวงการภาพยนตร์แล้ว อุไรยังรับงานออกแบบและตกแต่งสถานที่อีกหลายประเภท ตั้งแต่ไนท์คลับ ภัตตาคาร จนถึงวัด บาร์นเรศวร ในสวนลุมพินี นครถ้ำไนท์คลับ ที่วังบูรพา โรงแรมมาเจสติก ที่ถนนราชดำเนิน ภัตตาคารวิมานซากุระ ศาลาแดง ศาลาการเปรียญวัดบึงทองหลาง ถนนลาดพร้าว ฯลฯ ล้วนแต่เป็นฝีมือของอุไร ศิริสมบัติทั้งนั้น แม้แต่บ้านของบุคคลสำคัญอย่างบ้านพลเอกเนตร เขมะโยธิน อาจารย์ของจอมพลสฤษดิ์ก็เป็นฝีมือของอุไร

หนังบางเรื่องที่อุไรไม่ได้เกี่ยวข้องเลย เพราะไม่มีเวลาจะไปทำให้ แต่พอหนังเข้าฉาย ทั้งในไตเติ้ลและโฆษณาหน้าโรงกลับติดชื่อของเขาหรา เพราะชื่ออุไร ศิริสมบัติขายได้เหมือนดารา พรรคพวกจึงยืมไปขาย

“ก็ไม่รู้จะว่ายังไง คนกันเองทั้งนั้น” อุไรบ่นเสียงอ่อยๆตามนิสัยที่ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร

งานเด่นอีกชิ้นหนึ่งของอุไร ศิริสมบัติ ก็คือออกแบบตกแต่งร้านอาหาร “บ้านไร่ปลายนา” ปลายถนนเพชรบุรีตัดใหม่ตอนที่เพิ่งสร้างไปได้เพียงครึ่งสาย ตอนนั้นแถวนั้นยังเป็นทุ่งนา อุไรกับเพื่อนอีก ๒ คนร่วมกันลงทุนไปทำร้านอาหาร ขณะที่หน้าร้านยังเป็นถนนถมดินสุดพอดี บรรยากาศร้านจึงเป็นชายทุ่ง อุไรได้ออกแบบให้มีคูน้ำ กองฟาง และเกวียนประดับ แม้จะไปลำบากโดยเฉพาะในหน้าฝน แต่บรรยากาศของร้านก็ทำให้เป็นที่ชุมนุมของคนในวงการบันเทิง และเป็นผลทำให้ร้านอาหารเกิดขึ้นริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตัดหน้า “บ้านไร่ปลายนา” อีกหลายร้าน

งานออกแบบ “บ้านไร่ปลายนา” เป็นแบบฉบับที่น่าศึกษา อาจารย์ศิลป์ พีระศรีจึงส่งนักศึกษาศิลปากรรุ่นน้องอุไร ไปศึกษางานรุ่นพี่ที่ได้ดิบได้ดีเพราะอาจารย์ศิลป์ไปยืนด่าหลังโรงละครด้วย

เมื่อรู้สึกอิ่มตัวและเบื่อหน่ายกับชีวิตวุ่นวายในเมือง อุไร ศิริสมบัติจึงปลีกตัวไปใช้ชีวิตสงบที่ “ไร่กระต่าย” ซึ่งเขาไปจับจองที่ดินไว้ ๑๐๐ ไร่ที่บ้านน้ำจำ อำเภองาว จังหวัดลำปาง ซึ่ง ทักษิณ แจ่มผล ดาวร้ายชื่อดังกับ ปัทมา รัตนใส นางเอกคู่ชีวิตไปทำสวนลิ้นจี่อยู่ใกล้ๆกันก่อนแล้ว

แต่อุไรก็ไม่อาจหาความสงบของชีวิตได้ กลับเหนื่อยหนักที่ต้องวิ่งรอกหลายจังหวัด เพราะผู้สร้างที่ต้องการฉากพิเศษอุส่าห์ตามไปอ้อนวอนอุไรถึงไร่กระต่าย ทั้งวัด อำเภอ จนถึงจังหวัด แม้แต่บ้านพ่อเลี้ยงในจังหวัดใกล้เคียง ต่างก็ต้องการฝีมือและชื่อเสียงอุไรทั้งนั้น

อุไร ศิริสมบัติได้พบความสงบสุขอย่างแท้จริงก็เมื่อเขาเสียชีวิต




August 26, 2020 at 09:53AM
https://ift.tt/3jbJc6f

ต้นตำนาน “ศิลปินผมยาว” คือเจ้าของตุ๊กตาทองเอเซีย! อ.ศิลป พีระศรีตามไปด่าไปสอนถีงโรงละคร!! - ผู้จัดการออนไลน์

https://ift.tt/2Y7JTEM


Bagikan Berita Ini

0 Response to "ต้นตำนาน “ศิลปินผมยาว” คือเจ้าของตุ๊กตาทองเอเซีย! อ.ศิลป พีระศรีตามไปด่าไปสอนถีงโรงละคร!! - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.